การแพทย์แผนไทย (Thai Traditional Medicine) ดูแลสุขภาพทั้งในภาวะปกติและในภาวะเจ็บป่วย โดยยึดหลักความสมดุลของธาตุต่าง ๆ ในร่างกาย อาทิ ดิน น้ำ ลม และไฟ ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของการรักษาและป้องกันโรค ในปัจจุบัน สถาบันการศึกษาต่าง ๆ ได้ผสมผสานความรู้ด้านการแพทย์แผนไทยเข้ากับหลักวิทยาศาสตร์และวิทยาศาสตร์การแพทย์ เช่น กายวิภาคศาสตร์ สรีรวิทยา พยาธิสรีรวิทยา และเภสัชวิทยา เพื่อเพิ่มความปลอดภัยและประสิทธิภาพในการรักษา
จากหลักฐานในยุคกรุงศรีอยุธยา การแพทย์แผนไทยได้รับอิทธิพลสำคัญจากอารยธรรมอินเดีย โดยเฉพาะจากคัมภีร์ของหมอชีวกโกมารภัจจ์ แพทย์ประจำองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งเป็นต้นแบบของการรักษาในพระพุทธศาสนา เมื่อพระพุทธศาสนาเผยแผ่มายังไทย พระสงฆ์ที่ทำหน้าที่เผยแผ่ศาสนาได้นำความรู้ด้านการรักษาโรคมาใช้เพื่อช่วยเหลือประชาชน ความรู้นี้จึงหลอมรวมเข้ากับวิถีชีวิต วัฒนธรรม และภูมิปัญญาท้องถิ่นของคนไทยอย่างแนบแน่น
การแพทย์แผนไทยมองว่ามนุษย์เป็นองค์รวมที่ประกอบด้วยจิตใจ ร่างกาย และสิ่งแวดล้อมที่เชื่อมโยงกันอย่างลึกซึ้ง การรักษาโรคไม่ได้มุ่งแก้ปัญหาเฉพาะอาการทางกาย แต่ครอบคลุมถึงการดูแลจิตใจและการสร้างความสมดุลระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ รวมถึงจักรวาล แนวคิดแบบองค์รวมนี้เน้นการป้องกันโรคผ่านการดำเนินชีวิตที่สอดคล้องกับธรรมชาติ เช่น การรับประทานอาหารที่เหมาะสม การปรับสมดุลธาตุ และการดูแลสุขภาพด้วยสมุนไพร เป็นต้น
องค์ความรู้ด้านการแพทย์แผนไทยเป็นผลสืบเนื่องจากประสบการณ์ที่สั่งสมผ่านยุคสมัย ตั้งแต่การต่อสู้กับโรคภัยในอดีตจนถึงปัจจุบัน ซึ่งสะท้อนถึงความชาญฉลาดในการผสมผสานความรู้ด้านการรักษากับวิถีชีวิตของคนไทย วิธีการรักษา เช่น การใช้สมุนไพร การนวดแผนไทย การประคบสมุนไพร และการปรับธาตุ ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อให้เหมาะสมกับโรคและสภาพร่างกายของแต่ละบุคคล
ในยุคปัจจุบัน การแพทย์แผนไทยไม่ได้เป็นเพียงมรดกภูมิปัญญาเท่านั้น แต่ยังได้รับการพัฒนาขึ้นในฐานะการแพทย์คู่ขนานหรือการรักษาเสริมควบคู่ไปกับการแพทย์แผนปัจจุบัน ส่งเสริมให้เป็นส่วนหนึ่งของการดูแลสุขภาพแบบองค์รวมที่ได้รับความนิยมในระดับสากล การแพทย์แผนไทยจึงไม่เพียงแค่เป็นศาสตร์ในการรักษาโรค แต่ยังเป็นศิลปะที่สะท้อนถึงภูมิปัญญา วัฒนธรรม และวิถีชีวิตของคนไทยที่เชื่อมโยงกับธรรมชาติและจักรวาลอย่างลึกซึ้ง
เดิมทีองค์ความรู้ด้านการแพทย์แผนไทยมีลักษณะกระจัดกระจายและแยกกันเป็นส่วน ๆ ไม่เป็นระบบเดียวกัน จนกระทั่งในรัชสมัยของ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 3) พระองค์ทรงเล็งเห็นถึงความสำคัญของการรวบรวมองค์ความรู้เหล่านี้เพื่อการอนุรักษ์และสืบทอด จึงโปรดเกล้าฯ ให้มีการจัดรวบรวมและจารึกองค์ความรู้การแพทย์แผนไทยไว้ในวัดสำคัญหลายแห่ง เช่น
เมื่อธาตุทั้งสี่สมดุล ร่างกายจะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ สุขภาพดี และไม่ค่อยเกิดโรคภัยไข้เจ็บ แต่หากธาตุใดขาดความสมดุล เช่น มีมากหรือน้อยเกินไป จะส่งผลให้เกิดอาการเจ็บป่วยหรือโรคต่าง ๆ เช่น
ทฤษฎีความสมดุลธาตุเป็นรากฐานสำคัญที่สะท้อนถึงปรัชญาและภูมิปัญญาของการแพทย์แผนไทยที่ให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพแบบองค์รวมทั้งกายและใจ
การศึกษาคัมภีร์ของแพทย์แผนไทย ส่วนมากแล้วจะเขียนเป็นคำกลอน ที่ต้องอาศัยการเข้าใจภาษาไทยในขั้นลึก และเป็นภาษาที่ปัจจุบันอาจจะไม่ใช่แล้ว การศึกษาให้เข้าใจอาจจะต้องใช้ระยะเวลา และการเขียนอธิบายในคัมภีร์แต่ละคัมภีร์จะมีการเชื่อมโยงกันโดยต้องหมั่นศึกษา ตีความหมายอย่างลึกซึ่ง คัมภีร์แพทย์แผนไทยใช้เรียนทั้งในแพทย์แผนไทย และแพทย์แผนไทยประยุกต์ การเรียนคัมภีร์สามารถเทียบได้เท่ากับการเรียน Pathology ของการแพทย์แผนปัจจุบัน เพราะส่วนมากจะกล่าวถึงอาการเจ็บป่วยแล้ว โดยเรียนคัมภีร์ของแพทย์แผนไทย ไม่สามารถเทียบเคียงกับโรคในทางแพทย์แผนปัจจุบันได้โดยตรงในหลาย ๆ อาการ
คัมภีร์อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการแพทย์แผนไทย ที่ไม่ได้ระบุให้เรียนในหลักสูตร แต่แพทย์แผนไทยสามารถศึกษาเพิ่มเติมได้
แพทย์แผนไทยประยุกต์ คือ บุคลากรทางการแพทย์สาขาหนึ่งที่เกิดจากแนวคิดของ นายแพทย์อวย เกตุสิงห์ ซึ่งมุ่งมั่นพัฒนาการแพทย์แผนโบราณของไทยให้มีความเป็นวิทยาศาสตร์และได้รับการยอมรับในระดับสากล โดยแพทย์แผนไทยประยุกต์นั้นถือเป็นการผสมผสานระหว่าง องค์ความรู้ดั้งเดิม จากคัมภีร์แพทย์แผนไทย กับ หลักวิชาการทางการแพทย์แผนปัจจุบัน
แพทย์แผนไทยประยุกต์ต้องร่ำเรียนทั้งทฤษฎีและปฏิบัติที่ครอบคลุมสองศาสตร์ โดยสามารถตรวจวินิจฉัยอาการเทียงเคียงโรคตามหลักการแพทย์แผนปัจจุบัน แต่ในขั้นตอนการรักษานั้น จะใช้วิธีการของการแพทย์แผนไทย เช่น การใช้ยาสมุนไพร การนวด การอบ และการประคบสมุนไพร รวมถึงสามารถทำคลอดและดูแลสุขภาพแม่และทารกตามแนวทางแพทย์แผนไทย ทั้งนี้ การปฏิบัติงานทั้งหมดต้องเป็นไปตาม ระเบียบและข้อบังคับของสภาการแพทย์แผนไทย
นอกจากนี้ แพทย์แผนไทยประยุกต์ยังสามารถประยุกต์ใช้เครื่องมือทางการแพทย์สมัยใหม่เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการตรวจและรักษา โดยเน้นการบูรณาการระหว่างความรู้ดั้งเดิมและเทคโนโลยีปัจจุบัน เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับการดูแลที่ครอบคลุมและเหมาะสมที่สุด เพื่อให้สามารถปฏิบัติงานได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย แพทย์แผนไทยประยุกต์จำเป็นต้องผ่านการสอบและได้รับ ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพแพทย์แผนไทยประยุกต์ โดยเฉพาะ ผู้ที่ผ่านการสอบนี้จะมีคุณสมบัติครบถ้วนในการปฏิบัติงานในโรงพยาบาลหรือสถานพยาบาลที่เกี่ยวข้อง และสามารถให้การรักษาแก่ผู้ป่วยได้
แพทย์แผนไทยประยุกต์ถือเป็นตัวแทนแห่งการเชื่อมโยงภูมิปัญญาไทยกับความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งสะท้อนถึงการอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมควบคู่กับการพัฒนาสู่ความทันสมัย เพื่อให้การดูแลสุขภาพของประชาชนเป็นไปอย่างครอบคลุมและยั่งยืน
โดยคําแนะนําของคณะกรรมการ ทั้งนี้ ด้วยกรรมวิธีการแพทย์แผนไทยซึ่งถ่ายทอดหรือพัฒนาสืบต่อกันมา ตามตําราการแพทย์แผนไทยหรือจากสถานศึกษาที่สภาการแพทย์แผนไทยรับรอง
ทั้งนี้ ด้วยกรรมวิธีการแพทย์แผนไทยโดยอาศัยองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์และวิทยาศาสตร์การแพทย์ซึ่งศึกษาจากสถานศึกษา ที่สภาการแพทย์แผนไทยรับรอง รวมทั้งการประยุกต์ใช้เครื่องมือหรืออุปกรณ์ทางวิทยาศาสตร์การแพทย์ ทั้งนี้ ตามระเบียบและข้อบังคับของสภาการแพทย์แผนไทย
ในปัจจุบัน มีมหาวิทยาลัยต่าง ๆ หันมาให้ความสำคัญกับการผลิตบัณฑิตในสาขาการแพทย์แผนไทยมากขึ้น ซึ่งการแพทย์แผนไทยกับการแพทย์แผนไทยประยุกต์ นั้นมีทั้งความเหมือนและความแตกต่างกันพอสมควร อย่างไรก็ตามทั้งแพทย์แผนไทยและแพทย์แผนไทยประยุกต์ ต้องสอบใบประกอบโรคศิลปะเช่นกัน แต่ขึ้นทะเบียนกันคนละประเภทกัน