ไลพ์ซิช (เยอรมัน: Leipzig) เป็นเมืองสำคัญเมืองหนึ่งในรัฐซัคเซิน ในประเทศเยอรมนี มีประชากร 515,110 คน และมีประชากรมากที่สุดในรัฐ และมีระบบการปกครองในรูปแบบเขตปกครองพิเศษ
ชื่อ "ไลพ์ซิช" มาจากภาษาสลาฟว่า "ลิพสค์" (Lipsk) ซึ่ง แปลว่า ตั้งอยู่บนพื้นที่ ที่มีต้นไม้ดอกเหลือง
นอกจากนี้ ไลพ์ซิชยังเป็นชื่อของเขตปกครองภายในรัฐซัคเซิน โดยในรัฐซัคเซินประกอบด้วย 3 เขตปกครอง (Landkreise) และ 3 เขตปกครองพิเศษ (Kreisfreie Städte) โดยเขตปกครองไลพ์ซิชเป็นเขตปกครองที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในรัฐซัคเซิน เนื้อหาของบทความนี้กล่าวถึงเฉพาะเมืองไลพ์ซิชซึ่งเป็นเขตปกครองพิเศษเท่านั้น
หลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่เก่าแก่ที่สุดที่กล่าวถึงเมืองไลพ์ซิช ได้แก่ จดหมายเหตุของมุขนายกธีทมาร์ แห่งเมอร์เซบูร์ก ใน ค.ศ. 1015 และบันทึกเที่ยวกับเมืองไลพ์ซิช โดยออทโทที่ 2 มาร์เกรฟแห่งไมเซิน ใน ค.ศ. 1165 เป็นเหตุให้เมืองไลพ์ซิชจึงเป็นหนึ่งในบรรดาเมืองประวัติศาสตร์ของประเทศเยอรมนี และมีชื่อเสียงในฐานะ ศูนย์กลางทางการค้าของรัฐซัคเซิน
การจัดตั้งมหาวิทยาลัยไลพ์ซิชใน ค.ศ. 1409 ทำให้ไลพ์ซิชพัฒนาขึ้นเป็นเมืองศูนย์กลางทางด้านกฎหมาย และสิ่งพิมพ์ของประเทศ ทั้งยังเป็นที่ตั้งของศาลปกครองหนึ่งในห้าศาลสูงสุดของประเทศ
งานแสดงสินค้าไลพ์ซิช เป็นงานแสดงสินค้าที่เก่าแก่ที่สุดที่ยังคงดำเนินกิจการอยู่ โดยเริ่มจัดมาตั้งแต่สมัยกลาง ในอดีตงานแสดงสินค้าไลพ์ซิช ได้รับการคุ้มครองจากเจ้าผู้ครองรัฐที่จะไม่ให้เมืองใดในรัศมี 250 กิโลเมตร จัดงานแสดงสินค้าแข่งกับเมืองไลพ์ซิช และปัจจุบันงานแสดงสินค้าไลพ์ซิช ยังเป็นงานแสดงสินค้าระดับโลกอีกด้วย
ค.ศ. 1839 ไลพ์ซิชเป็นชุมทางรถไฟระยะทางไกลแห่งแรกของประเทศเยอรมนี เพื่อเดินทางไปยังเมืองเดรสเดิน เมืองหลวงของรัฐซัคเซิน นับแต่นั้นมา ไลพ์ซิชจึงเป็นศูนย์กลางการคมนาคมทางรถไฟในยุโรปกลาง และสถานีรถไฟไลพ์ซิชเป็นสถานีรถไฟที่มีพื้นที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปตั้งแต่ยุคนั้น มาจนปัจจุบัน ในช่วงปลายศตวรรษที่ 18 ไลพ์ซิชมีประชากรรวมกว่าล้านคน จึงเป็นที่ตั้งของพรรคแรงงาน รวมไปถึงมีการจัดตั้งสหภาพแรงงานขึ้นที่เมืองไลพ์ซิชนี้ ใน ค.ศ. 1863
ในยุคนโปเลียน ไลพ์ซิชเป็นฐานที่มั่นสำคัญของกองทัพนโปเลียน โดยนโปเลียนใช้เมืองไลพ์ซิช เป็นศูนย์บัญชาการเพื่อส่งกองกำลังเข้ายึดยุโรปกลาง และรัสเซีย เป็นเหตุให้เมืองไลพ์ซิชเป็นสมรภูมิสงครามแห่งชนชาติ ยุทธการที่ไลพ์ซิช เมื่อ ค.ศ. 1913 กองทัพพันธมิตรกษัตริย์และผู้ครองนครในทวีปยุโรป รวมทัพกันขับไล่กองทัพนโปเลียน โดยกองทัพของนโปเลียนได้แตกพ่ายครั้งแรกที่เมืองไลพ์ซิช ปัจจุบันนี้ยังมีอนุสรณ์สถานสงครามแห่งชนชาติ เป็นสิ่งรำลึกถึงเหตุการณ์ในครั้งนั้น
ในช่วงปลายสงครามโลกครั้งที่ 2 ไลพ์ซิชเสียหายอย่างหนักเนื่องจากการทิ้งระเบิดของฝ่ายสัมพันธมิตร กองทัพสหรัฐอเมริกาได้ยึดครองไลพ์ซิชได้ในวันที่ 20 เมษายน ค.ศ. 1945 และในภายหลังได้ถ่ายอำนาจการปกครองแก่กองทัพแดงของสหภาพโซเวียตตามข้อตกลงในการปกครองดินแดน ไลพ์ซิชจึงรวมเป็นส่วนหนึ่ง และกลายเป็นเมืองสำคัญเมืองหนึ่งของสาธารณรัฐประชาธิปไตยเยอรมนี ก่อนจะรวมเข้าเป็นสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ใน ค.ศ. 1989
ไลพ์ซิช ตั้งอยู่ทางตะวันตกของรัฐซัคเซิน ห่างจากกรุงเบอร์ลินมาทางตะวันตกเฉียงใต้ประมาณ 145 กิโลเมตร ตัวเมืองตั้งริมฝั่งแม่น้ำไวเซ่เอลส์เตอร์ (Weisse Elster) ณ จุดที่ แม่น้ำไพลเซ่ Pleisse และแม่น้ำพาร์เธ่ (Parthe) มารวมตัวกัน
เศรษฐกิจหลักของเมืองไลพ์ซิช ได้จากการเป็นศูนย์กลางการจัดแสดงสินค้านานาชาติในยุโรปกลาง ตั้งแต่ในยุคที่เป็นจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ เนื่องจากได้รับการคุ้มครองสิทธิในการเป็นศูนย์กลางทางการค้าแห่งเดียวในบริเวณยุโรปตะวันออก นอกจากนี้ ไลพ์ซิชยังเป็นศูนย์กลางด้านการพิมพ์ของประเทศ ในอดีตงานสัปดาห์หนังสือที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเยอรมันจัดขึ้นที่เมืองไลพ์ซิช ยิ่งไปกว่านั้นที่นี่ยังเป็นที่ตั้งของโรงงานอุตสาหกรรมทอผ้าที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปตั้งอยู่ด้วย และยังรวมไปถึงเครื่องจักรอุตสาหกรรม และอุตสาหกรรมประกอบเปียโน อุตสาหกรรมโดยส่วนใหญ่ได้ย้ายการประกอบกิจการไปยังเยอรมันตะวันตกตั้งแต่ช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สอง
ในช่วงที่ประเทศปกครองด้วยระบบคอมมิวนิสต์ ไลพ์ซิชก็คงเป็นศูนย์กลางสำคัญทางเศรษฐกิจของประเทศ โดยใน ค.ศ. 1972 เมืองไลพ์ซิชมีมูลค่าทางเศรษฐกิจในสัดส่วนถึง 9.3% ของระบบเศรษฐกิจทั้งประเทศ โดยในช่วงนั้น อุตสาหกรรมหนัก เช่น เหมืองถ่านหิน โรงงานผลิตไฟฟ้า และโรงงานผลิตสารเคมีต่าง ๆ ได้เปิดดำเนินการ และขยายตัวไปทางตอนใต้ของเมือง นอกจากนี้ ยังมีโรงงานผลิตเครื่องจักร และเทคโนโลยีสำหรับการเกษตรอีกด้วย
จำนวนประชากรที่มีงานทำ ณ ค.ศ. 2010 ทั้งสิ้น 243,50 คน อัตราการว่างงาน ณ วันที่ 31 มีนาคม ค.ศ. 2010 อยู่ที่ร้อยละ 14.70 ต่อประชากรทั้งหมดของเมืองโดยกว่าครึ่งเป็นการว่างงานระยะยาว จำนวนธุรกิจที่จดทะเบียน สิ้น ค.ศ. 2010 รวมทั้งสิ้น 45,278 บริษัทใน ค.ศ. 2007 รายได้เฉลี่ยต่อคนของพนักงานในไลพ์ซิชอยู่ที่ 37,117 ยูโรต่อคนต่อปี ใน ค.ศ. 2008 มีการจัดงานแสดงสินค้า ณ เมืองไลพ์ซิชรวมทั้งสิ้น 40 ครั้ง มีบริษัท ห้างร้าน เข้าร่วม 15,473 บริษัท มีผู้เข้าชมงานทั้งสิ้น 1,308,288 คน
สมาพันธ์ฟุตบอลแห่งชาติเยอรมนี (DFB) จัดตั้งขึ้นครั้งแรกที่เมืองไลพ์ซิช ใน ค.ศ. 1900 และสโมสรฟุตบอลอาชีพของเมือง ได้แก่ สโมสรเอสเทิร์นเอฟซี (1.FC) ได้ครองถ้วยรางวัลในฐานะทีมอันดับหนึ่งของฟุตบอลอาชีพประจำชาติ ใน ค.ศ. 1903
ไลพ์ซิชเป็นเมืองหนึ่งที่ร่วมจัดการแข่งขันฟุตบอลโลก 2006 และได้ตั้งเป้าหมายร่วมเป็นเจ้าภาพการแข่งขันโอลิมปิกฤดูร้อน 2012 แต่ไม่ได้รับการพิจารณาจากคณะกรรมการโอลิมปิคสากล
ไลพ์ซิช มีรากฐานทางดนตรี เนื่องจากมีนักประพันธ์เพลง ผู้ควบคุมวงออเคสตร้า นักดนตรีที่มีชื่อเสียง ได้สร้างสรรค์ผลงานในช่วงเวลาที่ได้ทำงานอยู่ที่เมืองไลพ์ซิช อาทิ โยฮันน์ เซบาสเทียน บาค นักประพันธ์เพลง ซึ่งแต่งเพลงจำนวนมาก ในขณะที่ทำงานอยู่ในโบสถ์นักบุญโทมัส ระหว่าง ค.ศ. 1723–ค.ศ. 1750 นออกจากนี้ ยังมี ริชาร์ด วากเนอร์ โรเบิร์ต ชูมานน์ และ เฟลิกซ์ เมนเดลโซห์น อีกด้วย
นอกเหนือไปกว่านั้น ในปัจจุบัน ไลพ์ซิชเป็นที่ตั้งของ มหาวิทยาลัยการดนตรีและการละคร ซึ่งมีการเรียนการสอนเพื่อผลิตศิลปิน และบุคลากรเพื่อเป็นผู้สอนศิปะ ทั้งการแสดง และการดนตรีในทุกแขนง นักศึกษาที่มีผลงานเป็นที่โดดเด่น จะได้เข้าร่วมการแสดงกับ วงออเคสต้าไลพ์ซิชเกวานด์เฮ้าส์ วงดนตรีออเคสต้าประจำเมืองไลพ์ซิช ซึ่งมีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับไปทั่วทั้งยุโรป ปัจจุบันมหาวิทยาลัยการดนตรีและการละคร มีนักศึกษาเข้าใหม่เฉลี่ยกว่าปีละ 800 คน
คณะนักร้องประสานเสียงเยาวชนแห่งคริสตจักรนักบุญโธมัส เป็นหนึ่งในคณะนักร้องประสานเสียงที่มีชื่อเสียงมากแห่งหนึ่งในทวีปยุโรป
โรงละครเมืองไลพ์ซิช เป็นโรงละครที่มีการจัดแสดงมากว่า 300 ปี ซึ่งถือว่าเป็นโรงละครที่มีการจัดแสดงมายาวนานที่สุดในยุโรป
นอกจากด้านดนตรี และการแสดงแล้ว ไลพ์ซิชยังเป็นศูนย์กลางการจัดประกวดภาพยนตร์สารคดีนานาชาติ (DOK Leipzig) มาแล้วกว่า 55 ครั้ง
บทความประเทศ ดินแดน หรือเขตการปกครองนี้ยังเป็นโครง คุณสามารถช่วยวิกิพีเดียได้โดยเพิ่มเติมข้อมูล