ค้นหา
  
Search Engine Optimization Services (SEO)

นกแร้ง

แร้ง หรือ อีแร้ง (อังกฤษ: Vulture) เป็นนกขนาดใหญ่จำพวกหนึ่ง อยู่ในกลุ่มนกล่าเหยื่อเช่นเดียวกับเหยี่ยว, อินทรี หรือนกเค้าแมว โดยที่แร้งถือว่าเป็นนกที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในกลุ่มนี้

แร้ง จะแตกต่างจากไปนกในกลุ่มนี้คือ จะไม่ล่าเหยื่อหรือกินสัตว์เป็น ๆ เป็นอาหาร แต่จะกินเฉพาะซากสัตว์ที่ตายแล้ว อันเนื่องจากอุ้งตีนของแร้งนั้นไม่แข็งแรงพอที่จะขย้ำเหยื่อได้ เพราะได้วิวัฒนาการให้มีอุ้งตีนที่แบนและกรงเล็บที่เล็กสั้นเหมาะกับการอยู่บนพื้นดินมากกว่านกล่าเหยื่อจำพวกอื่น แร้งมีรูปร่างโดยรวมคือ ปีกกว้าง หางสั้น มีคอที่ยาว หัวเล็ก บริเวณต้นคอมีขนสีขาวรอบเหมือนสวมพวงมาลัย มีลักษณะเด่นคือ ขนที่หัวและลำคอแทบไม่มีเลยจนดูเหมือนโล้นเลี่ยน สันนิษฐานว่าคงเป็นเพราะพฤติกรรมการกินซากสัตว์ จึงไม่มีขนเพื่อไม่ให้เป็นที่สะสมของเชื้อโรค และเพื่อความสะดวกในการในการมุดกินซากด้วย มีลิ้นที่มีร่องลึกและเงี่ยงเล็ก ๆ หันไปทางด้านหลังเพื่อช่วยในการกินอาหารคำโต อีกทั้งแร้งยังมีกระเพาะพิเศษขนาดใหญ่ที่เก็บอาหารซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของหลอดอาหาร รวมถึงในลำไส้รวมถึงกระเพาะของแร้งก็ยังมีกรดที่มีฤทธิกัดกร่อนสามารถฆ่าแบคทีเรียหรือจุลชีพอื่น ๆ ที่มีอยู่ในซากสัตว์ด้วย จึงทำให้แร้งสามารถกินซากเน่าเปื่อยได้โดยไม่เป็นอันตราย แต่กระนั้นแร้งก็ยังสามารถจับสัตว์ขนาดเล็ก เช่น แมลงหรือสัตว์เลื้อยคลานขนาดเล็ก เช่น กิ้งก่า, จิ้งจก หรือไข่นกชนิดอื่น กินเป็นอาหารในบางครั้งได้อีกด้วย

แร้งบางชนิดสามารถกินอาหารที่มีน้ำหนักถึงร้อยละ 20 ของน้ำหนักตัวได้ โดยเก็บไว้ในกระเพาะอาหารพิเศษที่เป็นส่วนหนึ่งของหลอดอาหารเพื่อรอการย่อย

แร้งทั้ง 2 กลุ่ม มีพฤติกรรมที่คล้ายคลึงกัน คือ กินซากสัตว์หรือซากศพมนุษย์ที่ตายไป โดยมักจะอยู่รวมเป็นฝูง และบินวนไปรอบ ๆ ที่มีซากศพหรือซากสัตว์ตายเพื่อรอจังหวะกิน แร้งจะตะกละตะกลามมากเวลาลงกินอาหาร มักจะจิกตีหรือแย่งชิงกันเสียงดังบ่อย ๆ เวลากิน จึงมีสำนวนในภาษาไทยว่า "แร้งทึ้ง" อันหมายถึง พฤติกรรมการแย่งชิงกันอย่างน่าเกลียด แต่ด้วยความที่เป็นสัตว์กินซาก แร้งจึงใช้เวลาที่นอกเหนือไปจากการกินอาหาร ด้วยการไซ้ขน กางปีก ผึ่งแดด เพื่อฆ่าเชื้อโรคด้วย โดยแร้งอาจใช้พื้นที่หากินกว้างถึง 480,000 ตารางกิโลเมตร โดยร่อนไปบนกระแสลมร้อนโดยที่ไม่ต้องใช้พลังงานมากเลย เนื่องจากช่วงปีกที่กว้างใหญ่ และถึงแม้ว่าสายตาของแร้งอาจจะดีสู้นกล่าเหยื่อจำพวกอื่นไม่ได้ แต่แร้งก็ยังสามารถมองเห็นได้ไกลถึง 35 กิโลเมตร จากบนท้องฟ้า

สำหรับในประเทศไทยพบแร้งทั้งหมด 5 ชนิด โดยแบ่งเป็นแร้งอพยพ 2 ชนิด คือ แร้งดำหิมาลัย (Aegypius monachus) และ แร้งสีน้ำตาลหิมาลัย (Gyps himalayensis) แร้งประจำถิ่น 3 ชนิด คือ พญาแร้ง (Sarcogyps calvus), แร้งสีน้ำตาล (Gyps indicus) และแร้งเทาหลังขาว (G. bengalensis) ซึ่งทุกชนิดเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองทั้งหมด

แร้งชนิดที่ได้ชื่อว่าหายากที่สุด คือ แร้งแคลิฟอร์เนีย (Gymnogyps californianus) หรือ แร้งคอนดอร์แคลิฟอร์เนีย ซึ่งเป็นแร้งในวงศ์แร้งโลกใหม่ โดยที่แร้งชนิดนี้เคยเกือบสูญพันธุ์ไปแล้วจากธรรมชาติ ในปี ค.ศ. 1986 มีแร้งชนิดนี้เหลืออยู่เพียงแค่ 5 ตัว ในธรรมชาติเท่านั้น โดยที่ปัจจุบันนี้ได้มีสวนสัตว์และนักอนุรักษ์จำนวนหนึ่งทำการเพาะขยายพันธุ์ได้แล้ว

แร้งในความเชื่อของมนุษย์ แทบทุกวัฒนธรรมจะถือว่าเป็นนกที่อัปมงคล เพราะพฤติกรรมที่กินซากศพและรูปร่างหน้าตาที่น่าเกลียดน่ากลัว ในความเชื่อของคนไทย แร้งเป็นนกที่นำมาซึ่งความอัปมงคลเช่นเดียวกับนกแสก เมื่อสมัยอดีต ประเพณีการปลงศพในบางพื้นที่ที่ห่างไกลความเจริญหรือในบางวัฒนธรรม เช่น ทิเบต จะทิ้งซากศพไว้กลางแจ้ง มักจะมีแร้งมาเกาะคอยรอกินศพอยู่บริเวณรอบ ๆ นั้นเสมอ ๆ และเมื่อครั้งที่เกิดอหิวาตกโรคระบาดอย่างร้ายแรง ในปีพุทธศักราช ๒๓๖๓ ตรงกับรัชสมัยของรัชกาลที่ ๒ มีผู้เสียชีวิตจำนวนมากในพระนคร การเผาศพทำไม่ทัน จนต้องมีศพกองสุมกันที่วัดสระเกศ มีแร้งลงมาจิกกินเป็นที่น่าสังเวชแก่ผู้พบเห็น จนมีคำกล่าวว่า "แร้งวัดสระเกศ" คู่กับ "เปรตวัดสุทัศน์" นอกจากนี้ยังมีบันทึกว่าในเช้าของวันอังคารที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2481 มีแร้งนับจำนวนนับร้อยตัวได้บินมาลงที่ท้องสนามหลวงอย่างไม่ทราบสาเหตุ จากนั้นในเวลาบ่ายของวันเดียวกันก็ได้บินกลับไป ซึ่งต่อมาก็ได้มีเหตุร้ายแรงของบ้านเมืองเกิดขึ้น คือ กบฏพระยาทรงสุรเดช และสงครามอินโดจีน

และชื่อของอำเภอแก่งคอย อำเภอหนึ่งในจังหวัดสระบุรี อันเป็นปากทางเข้าสู่ป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่หรือ "ดงพญาไฟ" ในอดีต ก็เคยมีชื่อเรียกว่า "แร้งคอย" อันเนื่องมาจากการที่ผู้คนที่สัญจรเข้าไปในป่าแห่งนี้ มักจะตายลงด้วยไข้ป่า จนแร้งต้องมาคอยกินซากศพ จึงเป็นที่มาของชื่ออำเภอ

และด้วยความที่แร้งเป็นนกขนาดใหญ่ที่หัวและคอล้านเลี่ยนดูคล้ายไก่งวง ในอดีตก็เคยมีคนไทยนำแร้งมาขายแก่ชาวต่างชาติเนื่องในวันขอบคุณพระเจ้า โดยหลอกว่าเป็นไก่งวงมาแล้ว แต่ท้ายที่สุดความก็แตก เนื่องจากแร้งตัวนั้นได้บินหนีไปในที่สุด

แต่ในบางวัฒนธรรม แร้งก็มีความหมายที่แตกต่างออกไป เช่น ในสมัยอียิปต์โบราณ อักษรเฮียโรกริฟฟิกที่เป็นอักษรภาพตัวหนึ่ง (ในภาพ) หมายถึง "แม่" ก็นำมาจากแร้งอียิปต์ (Neophron percnopterus) ซึ่งเป็นแร้งชนิดหนึ่งในวงศ์แร้งโลกเก่าที่พบได้ในประเทศอียิปต์และแอฟริกาตอนเหนือ

ในวัฒนธรรมของทิเบต มีพิธีศพที่เรียกว่า "การฝังศพกับฟากฟ้า" ที่ญาติผู้ตายจะให้สัปเหร่อนำร่างผู้ตาย ไม่ใส่โลง ไม่ใส่เสื้อผ้า ทำพิธีสวดมนต์ส่งวิญญาณ ก่อนที่สัปเหร่อจะหามร่างของผู้ตายขึ้นไปบนภูเขาสูง พร้อมใช้มีดแล่เนื้อของผู้ตายเป็นชิ้น ๆ แล้วให้แร้งกิน เชื่อว่าแร้งจะเป็นผู้นำทางวิญญาณผู้ตายไปสู่สรวงสวรรค์

ในชนเผ่าพื้นเมืองแถบแอฟริกาใต้ มียาพื้นบ้านที่เรียกว่า "มูติ" (Muti) ทำมาจากหัวแร้งตากแห้ง เชื่อว่าหากนำไปเผาไฟ ผู้ที่ได้สูดดมควันที่ลอยขึ้นมาจะเคลิบเคลิ้มทำให้ล่วงรู้อนาคตได้เหมือนการเข้าฌาน

จากบันทึกของชาลส์ ดาร์วิน นักธรรมชาติวิทยาชาวอังกฤษ ผู้เป็นที่รู้จักจากการเผยแพร่แนวคิดเรื่องทฤษฎีวิวัฒนาการและการคัดเลือกโดยธรรมชาติ ขณะที่โดยสารบนเรือบีเกิลในปี ค.ศ. 1835 ดาร์วินได้บันทึกถึงแร้งไว้ว่า "น่าขยะแขยง", "มีหัวล้าน" และ "เลือกเกลือกกลิ้งบนซากเน่าเหม็น"

ปัจจุบัน แร้งแทบทุกชนิดตกอยู่ในสภาพใกล้สูญพันธุ์และหายาก เนื่องจากถิ่นที่อยู่อาศัยตามธรรมชาติถูกรุกราน และสภาพแวดล้อมก็เปลี่ยนไป ประเพณีการปลงศพก็ไม่ได้ทำอย่างในอดีต ทำให้แร้งจำนวนหนึ่งต้องตายลงเนื่องจากไม่มีอาหารกิน และในอนุทวีปอินเดีย แร้งหลายตัวต้องตายลงเนื่องจากไปกินซากสัตว์ที่ปนเปื้อนสารเคมีและเชื้อโรคชนิดต่าง ๆ


 

 

รับจำนำรถยนต์ รับจำนำรถจอด

ปัญหาสามวัตถุ ฌอง ลารอง ดาเลมเบิร์ต อเล็กซิส คลาเราต์ พารัลแลกซ์ ฟรีดดริค เบสเซล กระจุกดาว เนบิวลา นิโคลัส หลุยส์ เดอ ลาซายล์ กล้องโทรทรรศน์แบบสะท้อนแสง กลศาสตร์ท้องฟ้า เซอร์ ไอแซค นิวตัน โยฮันเนส เคปเลอร์ เรอเนซองส์ นักดาราศาสตร์ วงรอบซารอส จันทรคราส ความเอียงของแกนโลก แบบจำลองแบบโลกเป็นศูนย์กลางจักรวาล ปีดาราศาสตร์สากล แบบจำลองแบบโลกเป็นศูนย์กลางของจักรวาล แบบจำลองแบบดวงอาทิตย์เป็นศูนย์กลางจักรวาล ตำแหน่งดาว นักดาราศาสตร์สมัครเล่น ดาราศาสตร์เชิงสังเกตการณ์ การเดินเรือดาราศาสตร์ การวัดตำแหน่งดาว จักรวาลวิทยาเชิงกายภาพ ชั้นบรรยากาศ วัตถุท้องฟ้า ทางช้างเผือก การวางเงื่อนไขแบบดั้งเดิม บุคลิกภาพ เซโรโทนิน โดพามีน จิตวิทยาภาษาศาสตร์ กลไกการป้องกันตนเอง สาขาวิชาจิตวิทยา คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ องค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ จิตวิทยากลุ่มเกสตัลท์ ไลพ์ซิจ จิตไร้สำนึก จิตวิเคราะห์ ซิกมันด์ ฟรอยด์ จิตแพทย์ ATC รหัส V ATC รหัส S ATC รหัส R ระบบทางเดินหายใจ สารกระตุ้น ยานอนหลับ ยากันชัก ยาระงับปวด ยาชาเฉพาะที่ ATC รหัส N เอ็นเซด ATC รหัส M ATC รหัส L ATC รหัส P ATC รหัส J การติดเชื้อ ATC รหัส H ยาคุมกำเนิด ATC รหัส G ATC รหัส D ไบล์แอซิดซีเควสแตรนต์ สแตติน ยาลดไขมันในเส้นเลือด แองกิโอเทนซินรีเซพเตอร์บล๊อคเกอร์ เอซีอีอินฮิบิเตอร์ แคลเซียมแชนแนลบล็อกเกอร์ เบต้า บล็อกเกอร์ ยาขับปัสสาวะ ยาลดความดัน ATC รหัส C ATC รหัส B เกลือแร่ ยาระบาย เอช2 รีเซพเตอร์แอนตาโกนิสต์ ยาลดกรด ATC รหัส A ทางเดินอาหาร ระบบจำแนกประเภทยาตามการรักษาทางกายวิภาคศาสตร์ การบำบัด ชีวเภสัชศาสตร์ เภสัชวินิจฉัย ร้านยา กากบาทเขียว คทางูไขว้ ถ้วยยาไฮเกีย ถ้วยตวงยา เรซิพี โกร่งบดยา เฉลว คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ค.ศ. 1617 ค.ศ. 1240 สมเด็จพระจักรพรรดิฟรีดริชที่ 2 แห่งโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ กาเลน ฮิปโปเครตีส

 

1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
32
33
34
35
36
37
38
39
40
41
42
43
44
45
46
47
48
49
50
51
52
53
54
55
56
57
58
59
60
61
62
63
64
65
66
67
68
69
70
71
72
73
74
75
76
77
78
79
80
81
82
83
84
85
86
87
88
89
90
91
92
93
94
95
96
97
98
99
100
101
102
103
104
105
106
107
108
109
110
111
112
113
114
115
116
117
118
119
120
121
122
123
124
125
126
127
128
129
130
131
132
133
134
135
136
137
138
139
140
141
142
143
144
145
146
147
148
149
150
151
152
153
154
155
156
157
158
159
160
161
162
163
164
165
166
167
168
169
170
171
172
173
174
175
176
177
178
179
180
181
182
183
184
185
186
187
188
189
190
191
192
193
194
195
196
197
198
199
200
201
202
203
204
205
206
207
208
209
210
211
212
213
214
215
216
217
218
219
220
221
222
223
224
225
226
227
228
229
230
231
232
233
234
235
236
237
238
239
240
241
242
243
244
245
246
247
จำนำรถราชบุรี รถยนต์ เงินด่วน รับจำนำรถยนต์ จำนำรถยนต์ จำนำรถ 24717