ค้นหา
  
Search Engine Optimization Services (SEO)

ประวัติวิชากายวิภาคศาสตร์

ประวัติการศึกษาวิชากายวิภาคศาสตร์ เป็นวิทยาศาสตร์ที่ศึกษาตั้งแต่การผ่าร่างกายของเหยื่อจากการสังเวยในสมัยโบราณ ไปจนถึงการวิเคราะห์อย่างละเอียดซับซ้อนถึงการทำงานของร่างกายโดยนักวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ การศึกษาวิชานี้มีลักษณะเฉพาะมาเป็นเวลานาน และมีการพัฒนาถึงการทำความเข้าใจในหน้าที่และโครงสร้างของอวัยวะในร่างกายอย่างต่อเนื่อง การศึกษากายวิภาคศาสตร์มนุษย์มีประวัติศาสตร์ความเป็นมาที่มีเกียรติและนับว่าเป็นสาขาวิทยาศาสตร์ชีวภาพที่มีความโดดเด่นในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 19 และต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20 วิธีการศึกษาวิชากายวิภาคศาสตร์ก็มีการพัฒนาอย่างมากมายตั้งแต่การศึกษาในสัตว์ไปจนถึงการศึกษาในศพของมนุษย์ และการใช้เทคโนโลยีที่ซับซ้อนในคริสต์ศตวรรษที่ 20

การศึกษากายวิภาคศาสตร์เริ่มขึ้นอย่างเร็วที่สุดเมื่อราว 1600 ปีก่อนคริสต์ศักราช ในยุคอียิปต์โบราณบน กระดาษปาปิรุส เอ็ดวิน สมิธ (Edwin Smith papyrus) บทความในกระดาษนั้นกล่าวถึงหัวใจ, หลอดเลือดของหัวใจ, ตับ, ม้าม, ไต, มดลูก, และกระเพาะปัสสาวะ และทราบว่าหลอดเลือดออกมาจากหัวใจ มีการกล่าวถึงหลอดเลือดหลอดอื่นๆ ว่าบางเส้นขนส่งอากาศ เมือก และหลอดเลือด 2 เส้นที่ไปทางหูข้างขวาเชื่อกันว่าขนส่ง ลมหายใจแห่งชีวิต (breath of life) ในขณะที่หลอดเลือด 2 เส้นที่ไปทางหูซ้ายขนส่ง ลมหายใจแห่งความตาย (breath of death) ในกระดาษปาปิรุสเอแบส (Ebers papyrus, ประมาณ 1550 ปีก่อนคริสต์ศักราช) กล่าวถึง บทความเกี่ยวกับหัวใจ โดยกล่าวว่าหัวใจเป็นศูนย์กลางในการสูบฉีดโลหิตไปเลี้ยงตามหลอดเลือดที่เลี้ยงทุกส่วนของร่างกาย ชาวอียิปต์โบราณไม่ค่อยมีความเข้าใจเกี่ยวกับหน้าที่ของไต และเชื่อว่าหัวใจเป็นจุดรวมของหลอดเลือดที่ทำหน้าที่ขนส่งของเหลวทุกชนิดในร่างกายไม่ว่าจะเป็นเลือด, น้ำตา, ปัสสาวะ, และน้ำอสุจิ

นักวิทยาศาสตร์การแพทย์สมัยก่อนซึ่งงานของท่านยังคงมีประโยชน์อย่างมากในปัจจุบันคือ ฮิปโปกราเตส (Hippocrates) แพทย์ชาวกรีกที่มีชีวิตอยู่ในช่วงศตวรรษที่ 5 ก่อนคริสตกาลถึงต้นศตวรรษที่ 4 ก่อรคริสตกาล (460 - 377 ปีก่อนคริสต์ศักราช) งานของเขาแสดงถึงความเข้าใจพื้นฐานของโครงสร้างของกล้ามเนื้อและกระดูก และการเริ่มต้นความเข้าใจของการทำงานของอวัยวะบางชนิด เช่น ไต แม้ว่างานของเขาส่วนใหญ่ รวมทั้งงานของลูกศิษย์และผู้ศึกษาในเวลาต่อมาจะเน้นการสังเกตใคร่ครวญทางทฤษฎีมากกว่าการทดลองปฏิบัติ

ในช่วงศตวรรษที่ 4 ก่อนคริสตกาล อริสโตเติลและนักปราชญ์ร่วมสมัยได้สร้างระบบที่ศึกษาจากการปฏิบัติมากขึ้น โดยใช้พื้นฐานการเรียกรู้จากการชำแหละสัตว์ งานที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานี้ทำให้สามารถแยกแยะความแตกต่างระหว่างหลอดเลือดแดงและหลอดเลือดดำ และอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างอวัยวะได้ถูกต้องแม่นยำมากกว่าในอดีต

การศึกษาเพื่อวิจัยทางกายวิภาคจากศพมนุษย์ครั้งแรกเกิดขึ้นภายหลังในศตวรรษที่ 4 ก่อนคริสตกาล เมื่อฮีโรฟิโลส (Herophilos) และอีราซิสทราทุส (Erasistratus) ได้ทำการชำแหละศพที่เมืองอเล็กซานเดรียภายใต้ความอุปถัมภ์ของราชวงศ์ปโตเลมี ฮีโรฟิโลสถือได้ว่าเป็นผู้พัฒนาความรู้ทางกายวิภาคจากการศึกษาจากโครงสร้างจริงของร่างกายมนุษย์มากขึ้นจากอดีต

นักกายวิภาคคนสำคัญคนสุดท้ายของยุคโบราณคือ กาเลน (Galen) มีชีวิตในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 2 เขารวบรวมความรู้จากงานเขียนในสมัยก่อน และศึกษาหน้าที่ของอวัยวะโดยชำแหละสัตว์ที่ยังมีชีวิตอยู่ งานภาพวาดของเขาซึ่งมักจะเป็นกายวิภาคศาสตร์ของสุนัข กลายมาเป็นตำรากายวิภาคศาสตร์มาเป็นเวลากว่า 1500 ปี แม้ตัวตำราเดิมนั้นได้สูญหายไปแล้ว และงานของเขาเป็นที่รู้จักกันเฉพาะในหมู่แพทย์ในยุคฟื้นฟูศิลปวิทยา (Renaissance) โดยผ่านทางการเก็บรักษาอย่างดีและถ่ายทอดโดยแพทย์ชาวอาหรับ เนื่องจากมีข้อห้ามทางศาสนาในการเป็นนักกายวิภาคซึ่งกินเวลานานหลายศตวรรษนับตั้งแต่ยุคกาเลนเป็นต้นไป กาเลนจึงคาดเดาเอาว่าโครงสร้างทางกายวิภาคในสุนัขคล้ายคลึงกับในมนุษย์ และทำการศึกษากายวิภาคศาสตร์ในสุนัขแทน และทำให้การศึกษาวิชากายวิภาคศาสตร์ของมนุษย์ต้องหยุดลงในยุโรป

หลังจากการล่มสลายของจักรวรรดิโรมัน การศึกษาวิชากายวิภาคศาสตร์ได้หยุดชะงักลงในทวีปยุโรปซึ่งนับถือศาสนาคริสต์ซึ่งมีข้อกำหนดทางศาสนาที่เคร่งครัด แต่กลับรุ่งเรืองขึ้นในยุคกลางของโลกอิสลาม ที่ซึ่งแพทย์และนักวิทยาศาสตร์ชาวมุสลิมได้อุทิศตัวอย่างหนักในการศึกษาความรู้และวัฒนธรรมในยุคกลาง แพทย์ชาวเปอร์เซียชื่อว่า อวิเซนนา หรืออาบู อาลี อัล-ฮุเซน อิบน์ อับด์ อัลลอฮ์ อิบน์ ซีนา (Avicenna, Abū ʿAlī al-Ḥusayn ibn ʿAbd Allāh ibn Sīnā; ภาษาเปอร์เซีย: ابو علی الحسین ابن عبدالله ابن سینا) (ค.ศ. 980 - ค.ศ. 1037) ได้ซึมซับการสอนวิชากายวิภาคศาสตร์ของกาเลนและได้เพิ่มเติมลงใน The Canon of Medicine (ทศวรรษที่ 1020) ซึ่งนับว่ามีอิทธิพลอย่างมากต่อทั้งโลกอิสลามและโลกคริสเตียนของยุโรป The Canon เป็นตำราทางกายวิภาคที่เชื่อถือได้มากที่สุดในโลกอิสลามจนกระทั่ง อิบน์ อัล-นาฟิส (Ibn al-Nafis) ในคริสต์ศตวรรษที่ 13 เมื่อตำรานี้ได้เผยแพร่มาในยุโรปจนกระทั่งมีบทบาทโดดเด่นถึงคริสต์ศตวรรษที่ 16

อิบน์ ซุห์ร (Ibn Zuhr หรือ Avenzoar, ค.ศ. 1091 - ค.ศ. 1161) เป็นแพทย์ชาวอาหรับคนแรกที่ทำการชำแหละร่างกายมนุษย์และการชันสูตรศพ และพิสูจน์ว่าโรคหิดเกิดจากเชื้อปรสิต ซึ่งเป็นการค้นพบที่ค้านกับทฤษฎี humorism ของฮิปโปกราเตสและกาเลนที่เชื่อว่าโรคเกิดมาจากความไม่สมดุลขององค์ประกอบสี่อย่างของมนุษย์ได้แก่ น้ำดีสีดำ, น้ำดีสีเหลือง, เลือด, และเสมหะ การนำปรสิตออกจากร่างกายของคนไข้ก็ไม่ได้เกี่ยวกับการอาเจียน การเอาเลือดออก หรือการรักษาแบบดั้งเดิมที่เกี่ยวข้องกับองค์ประกอบสี่อย่างของมนุษย์ ในคริสต์ศตวรรษที่ 12 แพทย์ประจำพระองค์ของสุลต่านศอลาฮุดดีน (Saladin) ชื่อ อิบน์ จุไม (Ibn Jumay) เป็นหนึ่งในคนแรกๆ ที่ทำการชำแหละร่างกายมนุษย์ และได้ทำให้แพทย์คนอื่นๆ สนใจและศึกษาตาม ในช่วง ค.ศ. 1200 เกิดความแห้งแล้งในอียิปต์ อับด์-เอล-ละติฟ (Abd-el-latif) ได้สังเกตและศึกษาโครงกระดูกมนุษย์จำนวนมาก และค้นพบว่ากาเลนกล่าวผิดเกี่ยวกับรูปร่างของกระดูกกรามล่างและกระเบนเหน็บ (sacrum)

แพทย์ชาวอาหรับนามว่า อิบน์ อัล-นาฟิส (Ibn al-Nafis, ค.ศ. 1213 - ค.ศ. 1288) เป็นหนึ่งในคนแรกๆ ที่เสนอการชำแหละร่างกายมนุษย์และการชันสูตรศพ และในปี ค.ศ. 1242 เขาเป็นคนแรกที่อธิบายระบบการไหลเวียนปอด (pulmonary circulation) และระบบไหลเวียนโคโรนารี (coronary circulation) ซึ่งเป็นพื้นฐานของรวามรู้เรื่องระบบไหลเวียนโลหิต เขาจึงได้ชื่อว่าเป็นบิดาแห่งทฤษฎีการไหลเวียน อิบน์ อัล-นาฟิสยังเป็นผู้ที่อธิบายความคิดแรกเริ่มของเมแทบอลิซึม และได้พัฒนาระบบการศึกษากายวิภาคศาสตร์และสรีรวิทยาขึ้นมาแทนที่ลัทธิของอวิเซนนาและกาเลน ด้วยการล้มล้างความเชื่อที่ผิดๆ เกี่ยวกับทฤษฎี humorism, การคลำชีพจร, กระดูก, กล้ามเนื้อ, ลำไส้, อวัยวะรับความรู้สึก, ท่อน้ำดี, หลอดอาหาร, กระเพาะอาหาร, และกายวิภาคของร่างกายมนุษย์แทบทุกส่วน

ผลงานของกาเลนและอวิเซนนา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง The Canon of Medicine ซึ่งได้รับการสอนควบคู่กันไป ได้ถูกแปลเป็นภาษาละติน และ Canon เป็นตำราทางกายวิภาคที่เชื่อถือได้มากที่สุดในการเรียนแพทยศาสตร์ในยุโรปจนกระทั่งคริสต์ศตวรรษที่ 16 พัฒนาการของกายวิภาคศาสตร์ครั้งใหญ่ครั้งแรกในยุโรปนักตั้งแต่การล่มสลายของจักรวรรดิโรมันเกิดขึ้นที่โบโลญญา (Bologna) ในคริสต์ศตวรรษที่ 14 ถึง 16 ซึ่งมีผู้ชำแหละศพมนุษย์จำนวนมากซึ่งอุทิศตนในการพยายามอธิบายอวัยวะต่างๆ ให้ถูกต้องแม่นยำมากขึ้นและอธิบายหน้าที่ของมันอย่างชัดเจน นักกายวิภาคศาสตร์คนสำคัญเหล่านี้ เช่น มอนดีโน เด ลีอุซซี (Mondino de Liuzzi) และ อาเลซซานโดร อากิลลีนี (Alessandro Achillini)

การเปลี่ยนแปลงที่มีผลต่อลัทธิของกาเลนในยุโรปครั้งแรกเกิดขึ้นในคริสต์ศตวรรษที่ 16 จากอิทธิพลของการพิมพ์ที่ทำให้ผลงานของกาเลนและอวิเซนนาถูกเผยแพร่ไปทั่วยุโรป และต่อมามีการพิมพ์บทวิจารณ์ต่อผลงานดังกล่าว แอนเดรียส เวซาเลียส (Andreas Vesalius) เป็นบุคคลแรกที่พิมพ์บทความ De humani corporis fabrica ที่ท้าทายความเชื่อของกาเลนโดยเดินทางจากลิวเวน (Leuven) โดยหาเลี้ยงชีพด้วยการวาดภาพตลอดการเดินทาง เพื่อไปยังปาดัว (Padua) เพื่อขออนุญาตชำแหละศพนักโทษประหารโดยไม่เกรงกลัวถูกประหัตประหาร ภาพวาดของเขานับเป็นคำอธิบายมี่สำคัญที่อธิบายความแตกต่างระหว่างสุนัขและมนุษย์ และแสดงถึงความสามารถในการวาดภาพที่ดีเลิศ นักกายวิภาคในเวลาต่อมาหลายคนได้ท้าทายความเชื่อของกาเลนในตำราของพวกเขาทั้งๆ ที่ความเชื่อของกาเลนเคยมีอิทธิพลอย่างสูงสุดต่อความรู้ด้านกายวิภาคในศตวรรษที่ผ่านมา

นักวิจัยในช่วงเวลาต่อมาได้ดำเนินการปรับปรุงการศึกษาวิชากายวิภาคศาสตร์ให้ดียิ่งขึ้น พร้อมทั้งมีการตั้งชื่อโครงสร้างในร่างกายอีกเป็นจำนวนมาก ในคริสต์ศตวรรษที่ 16 และ 17 มีการพัฒนาอย่างเห็นได้ชัดทำความเข้าใจระบบไหลเวียนโลหิต ไม่ว่าจะเป็นความเข้าใจหน้าที่ของลิ้นในหลอดเลือดดำ การอธิบายการไหลของเลือดจากหัวใจห้องล่างซ้ายไปห้องล่างขวาผ่านทางระบบไหลเวียนโลหิต และสามารถระบุว่าหลอดเลือดดำตับ (hepatic vein) เป็นโครงสร้างหนึ่งที่แยกออกมาในระบบไหลเวียนโลหิต นอกจากนี้ยังสามารถแยกระบบน้ำเหลืองออกเป็นอีกหนึ่งระบบอวัยวะได้ในช่วงระยะเวลานี้

การศึกษาวิชากายวิภาคศาสตร์มีความเฟื่องฟูในคริสต์ศตวรรษที่ 17 และ 18 โดยมีการประดิษฐ์แท่นพิมพ์ช่วยในการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เนื่องจากการศึกษากายวิภาคศาสตร์จะเกี่ยวกับการสังเกตและภาพวาด นักกายวิภาคศาสตร์จะมีชื่อเสียงหรือไม่จึงขึ้นกับฝีมือการวาดภาพของเขาโดยไม่จำเป็นต้องเชี่ยวชาญภาษาละติน ศิลปินที่มีชื่อเสียงหลายคนก็ศึกษาวิชากายวิภาคศาสตร์ เข้าเรียนการชำแหละร่างกาย และวาดภาพเพื่อหารายได้ เช่น มีเกลันเจโล (Michelangelo) หรือ แรมบรังด์ (Rembrandt) ในช่วงแรกๆ มหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงสอนเกี่ยวกับกายวิภาคศาสตร์โดยผ่านทางภาพวาดแทนที่จะสอนตามเนื้อหาภาษาละติน สิ่งที่ขัดขวางการศึกษากายวิภาคศาสตร์เพียงอย่างเดียวในช่วงเวลานี้คือคำตำหนิของฝ่ายศาสนา ซึ่งทำให้นักกายวิภาคศาสตร์หลายคนเกิดความหวาดกลัวเมื่อต้องชำแหละร่างกายมนุษย์ เพราะว่าในยุคฟื้นฟูศิลปวิทยา แม้ว่าจะเป็นยุคที่วิทยาศาสตร์มีความเฟื่องฟูและการค้นพบต่างๆ มากมาย แต่ศาสนาก็มีอิทธิพลอย่างมากดังเช่นกรณีของกาลิเลโอซึ่งถูกศาลศาสนาลงโทษเพราะตีพิมพ์ผลงานขัดแย้งกับฝ่ายศาสนา นักวิทยาศาสตร์บางคนในยุคนี้กลัวเกินกว่าจะเดินทางจากเมืองหนึ่งไปอีกเมืองหนึ่ง เช่น เรอเน เดส์การตส์ (Descartes) นักกายวิภาคศาสตร์เพียงบางคนเท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้ชำแหละร่างกายมนุษย์เพื่อศึกษา บางครั้งได้รับอนุญาตเพียงปีเดียว การแสดงการชำแหละร่างกายมนุษย์นี้มักได้รับการสนับสนุนจากสภาของเมือง และบางครั้งอาจต้องเก็บค่าธรรมเนียมราวกับเป็นการแสดงของนักวิชาการ เมืองในยุโรปหลายเมืองเช่น อัมสเตอร์ดัม, ลอนดอน, โคเปนเฮเกน, ปาดัว, และปารีส มีนักกายวิภาคหลวง (Royal anatomists) ที่เชื่อมโยงกับรัฐบาลท้องถิ่น เช่น นีโคลัส ทุลพ์ (Nicolaes Tulp) นักกายวิภาคศาสตร์ที่ดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีเมืองอัมสเตอร์ดัม 3 สมัย แม้ว่าการแสดงการชำแหละร่างกายมนุษย์ค่อนข้างเป็นธุรกิจที่เสี่ยง และไม่แน่นอนว่าจะหาร่างกายมนุษย์มาจากที่ใด แต่การเข้าชมการชำแหละร่างกายมนุษย์นั้นถูกกฎหมาย นักเรียนกายวิภาคศาสตร์หลายคนเดินทางรอบทวีปยุโรปเพื่อเข้าชมการศึกษาร่างกายมนุษย์ที่แล้วที่เล่าตลอดหลักสูตรการเรียน พวกเขาต้องเดินทางไปตามที่ต่างๆ ซึ่งมีศพมนุษย์ที่เพิ่งเสียชีวิตให้ศึกษา (เช่น หลังจากการแขวนคอ) เพราะว่าหากปล่อยทิ้งไว้ร่างกายอาจเน่าสลายไปจนไม่เหมาะที่จะนำมาศึกษา เนื่องจากยังไม่มีการคิดค้นระบบแช่เย็นในสมัยนั้น

ชาวยุโรปหลายคนที่สนใจการศึกษาวิชากายวิภาคศาสตร์เดินทางไปยังอิตาลี ซึ่งต่อมากลายเป็นศูนย์กลางของวิชากายวิภาคศาสตร์ เฉพาะในอิตาลีเท่านั้นที่มีการศึกษาวิจัยที่เฉพาะบางอย่าง เช่น การศึกษาร่างกายผู้หญิง รีอัลโด โคลอมโบ (Realdo Colombo) และกาเบรียล ฟัลลอพพีโอ (Gabriele Falloppio) เป็นนักเรียนของแอนเดรียส เวซาเลียส นักกายวิภาคในศตวรรษที่ 16 โคลอมโบซึ่งในเวลาต่อมาเป็นผู้สืบทอดวิชานี้จากเวซาเลียสในเมืองปาดัว ซึ่งต่อมาได้เขาเป็นศาสตราจารย์ที่โรม ได้ปรับปรุงและแก้ไขกายวิภาคศาสตร์ของกระดูก อธิบายรูปร่างและช่องต่างๆ ในหัวใจ หลอดเลือดแดงพัลโมนารี และหลอดเลือดแดงใหญ่เอออร์ตาและลิ้นหัวใจ และติดตามทางเดินของเลือดจากหัวใจจากห้องขวาไปห้องซ้าย อธิบายสมองและหลอดเลือดสมอง และทำความเข้าใจหูชั้นในให้ถูกต้อง และเป็นคนแรกที่อธิบายเวนทริเคิลของกล่องเสียง ในเวลาเดียวกันนั้นเองก็มีการพัฒนาวิชาวิทยากระดูก (Osteology) เกิดขึ้นโดยความพยายามของจีโอวานนี ฟิลิพโพ อินกรัสซียัส (Giovanni Filippo Ingrassias)

ระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 19 นักกายวิภาคศาสตร์ได้รวบรวมคำอธิบายกายวิภาคศาสตร์มนุษย์จากในศตวรรษที่ผ่านมาให้สมบูรณ์ มีการพัฒนาและกำเนิดขึ้นของแหล่งความรู้ของวิชามิญชวิทยา (histology) และชีววิทยาของการเจริญ (developmental biology) ไม่เฉพาะการศึกษาในมนุษย์เท่านั้นก็ยังเจริญขึ้นในสัตว์ด้วย งานวิจัยจำนวนมากเกิดขึ้นในหลายสาขาของกายวิภาคศาสตร์ อังกฤษถือได้ว่าเป็นแหล่งวิจัยทางกายวิภาคศาสตร์ที่สำคัญ มีความต้องการร่างกายมนุษย์ในการศึกษาอย่างมากจนบางครั้งมีการขโมยศพหรือแม้กระทั่งการฆาตกรรมเพื่อให้ได้ศพมาศึกษา ทำให้รัฐสภาอังกฤษต้องผ่านกฎหมาย Anatomy Act 1832 ซึ่งเกี่ยวข้องกับการจัดหาร่างมนุษย์เพื่อการศึกษาให้เหมาะสม เพียงพอ และถูกกฎหมาย ข้อห้ามในการชำแหละร่างกายมนุษย์นั้นผ่อนคลายลงทำให้ตำรากายวิภาคศาสตร์ Gray's Anatomy ซึ่งมีการรวบรวมเนื้อหากายวิภาคอย่างละเอียดเป็นตำรายอดนิยมขึ้นมา แม้ว่าฉบับในปัจจุบันจะมีขนาดใหญ่ไม่เหมาะมือก็ตาม แต่ตำรา Gray's Anatomy ก็ถือกำเนิดขึ้นมาจากความต้องการรวบรวมความรู้ด้านกายวิภาคศาสตร์ให้อยู่ในเล่มเดียวให้เหมาะกับแพทย์ที่ต้องเดินทาง

การวิจัยทางกายวิภาคในช่วงร้อยปีที่ผ่านมามีการพัฒนาอย่างรวดเร็วเพราะการเจริญของเทคโนโลยี และความเข้าใจในวิทยาศาสตร์แขนงอื่นๆ เช่น ชีววิวัฒนาการ (evolutionary biology) และอณูชีววิทยา (molecular biology) ซึ่งช่วยให้เกิดความเข้าใจอวัยวะและโครงสร้างของมนุษย์มากขึ้น ความเข้าใจในวิชาวิทยาต่อมไร้ท่อ (endocrinology) ทำให้สามารถอธิบายหน้าที่ของต่อมต่างๆ ที่ในอดีตไม่เคยได้รับการอธิบาย อุปกรณ์ทางการแพทย์เช่น การสร้างภาพด้วยเรโซแนนซ์แม่เหล็ก (MRI) หรือการตรวจเอกซ์เรย์คอมพิวเตอร์ (CT Scan) ช่วยให้นักวิทยาศาสตร์ศึกษาอวัยวะของคนที่ยังมีชีวิตอยู่ หรือเสียชีวิตไปแล้ว ความก้าวหน้าทางกายวิภาคศาสตร์ในปัจจุบันมุ่งไปที่การเจริญเติบโต วิวัฒนาการ และหน้าที่ของโครงสร้างทางกายวิภาค เนื่องจากความรู้ด้านมหกายวิภาคศาสตร์ (macroscopic anatomy) ได้ถูกรวบรวมอย่างเป็นระบบแล้ว สาขาย่อยของกายวิภาคศาสตร์ของสิ่งมีชีวิตที่ไม่ใช่มนุษย์ (non-human anatomy) ก็มีความสำคัญในปัจจุบัน เพราะนักกายวิภาคสมัยใหม่กำลังพยายามทำความเข้าใจหลักการพื้นฐานของการจัดระบบของกายวิภาคศาสตร์โดยผ่านเทคนิคสมัยใหม่ตั้งแต่การใช้ finite element analysis ไปจนถึงอณูชีววิทยา


 

 

รับจำนำรถยนต์ รับจำนำรถจอด

โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว โรคโลหิตจาง โรคธาลัสซีเมีย เท้า ขา นิ้วนาง นิ้วกลาง นิ้วชี้ นิ้วหัวแม่มือ นิ้วมือ มือ ปลายแขน ข้อศอก ไหล่ แขน อวัยวะเพศ ทรวงอก สะดือ ลำตัว ลูกกระเดือก คอ แก้ม ใบหน้า ศีรษะ ชีวกลศาสตร์ ประวัติวิชากายวิภาคศาสตร์ กายวิภาคเปรียบเทียบ ศัลยแพทย์ พยาบาล นักกายภาพบำบัด กายสัณฐานวิทยา จุลพยาธิวิทยา กายวิภาคศาสตร์เปรียบเทียบ กายวิภาคศาสตร์พืช Anatomy แพทยศาสตรบัณฑิต การแพทย์แผนไทย เวชพันธุศาสตร์ ห้องปฏิบัติการทางการแพทย์ เวชศาสตร์การกีฬา ศัลยศาสตร์ออร์โทพีดิกส์ เวชศาสตร์ฉุกเฉิน พยาธิวิทยาคลินิก นรีเวชศาสตร์ ศัลยศาสตร์ตกแต่งและเสริมสร้าง ประสาทศัลยศาสตร์ วิทยามะเร็ง วิทยาทางเดินอาหาร โรคภูมิแพ้ หทัยวิทยา การแพทย์เฉพาะทาง รายชื่อคณะแพทยศาสตร์ในประเทศไทย คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม คณะแพทยศาสตร์วชิรพยาบาล มหาวิทยาลัยกรุงเทพมหานคร คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล โรงเรียนแพทยากร เวชสถิติ เวชระเบียน เวชศาสตร์ฟื้นฟู อาชีวเวชศาสตร์ ตจวิทยา รังสีวิทยา จิตเวชศาสตร์ จักษุวิทยา นิติเวชศาสตร์ โสตศอนาสิกวิทยา นรีเวชวิทยา สูติศาสตร์ ศัลยศาสตร์ออร์โธปิดิกส์ ศัลยศาสตร์ อายุรศาสตร์ กุมารเวชศาสตร์ ขมิ้นอ้อย วาซาบิ ขมิ้น มะขาม กุหลาบมอญ ทับทิม (ผลไม้) Nigella sativa ชะเอมเทศ เปราะหอม ข่า (พืช) ลูกซัด (พืช) ผักชีล้อม เทียนดำ ยี่หร่า อบเชย มะม่วงหัวแมงวัน ขึ้นฉ่าย อบเชยจีน กระวานไทย กระวานเทศ เทียนตากบ การบูร มหาหิงคุ์

 

1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
32
33
34
35
36
37
38
39
40
41
42
43
44
45
46
47
48
49
50
51
52
53
54
55
56
57
58
59
60
61
62
63
64
65
66
67
68
69
70
71
72
73
74
75
76
77
78
79
80
81
82
83
84
85
86
87
88
89
90
91
92
93
94
95
96
97
98
99
100
101
102
103
104
105
106
107
108
109
110
111
112
113
114
115
116
117
118
119
120
121
122
123
124
125
126
127
128
129
130
131
132
133
134
135
136
137
138
139
140
141
142
143
144
145
146
147
148
149
150
151
152
153
154
155
156
157
158
159
160
161
162
163
164
165
166
167
168
169
170
171
172
173
174
175
176
177
178
179
180
181
182
183
184
185
186
187
188
189
190
191
192
193
194
195
196
197
198
199
200
201
202
203
204
205
206
207
208
209
210
211
212
213
214
215
216
217
218
219
220
221
222
223
224
225
226
227
228
229
230
231
232
233
234
235
236
237
238
239
240
241
242
243
244
245
246
จำนำรถราชบุรี รถยนต์ เงินด่วน รับจำนำรถยนต์ จำนำรถยนต์ จำนำรถ 24608