ค้นหา
  
Search Engine Optimization Services (SEO)

ระบาดวิทยา

วิทยาการระบาด (อังกฤษ: epidemiology) เป็นการศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อสุขภาพและความเจ็บป่วยของประชากร และเป็นพื้นฐานและตรรกะที่ทำให้เกิดแนวคิดความสนใจในสาธารณสุขและเวชศาสตร์ป้องกัน สาขาวิชานี้วิธีที่สำคัญพื้นฐานของงานวิจัยด้านสาธารณสุข และเกี่ยวข้องกับเวชศาสตร์อิงหลักฐาน (evidence-based medicine) ในการหาปัจจัยเสี่ยงของโรคและประเมินวิธีการรักษาที่เหมาะสมที่สุด

งานของนักวิทยาการระบาดที่เกี่ยวข้องกับโรคติดต่อและโรคไม่ติดต่อ มีขอบเขตตั้งแต่การสืบค้นการระบาดของโรค (outbreak investigation) ไปจนถึงการออกแบบการศึกษา การเก็บข้อมูล และการวิเคราะห์ รวมทั้งการพัฒนาแบบจำลองทางสถิติเพื่อทดสอบสมมติฐานและการเตรียมผลการวิจัยเพื่อเสนอผลการวิจัย นักวิทยาการระบาดอาจอาศัยระเบียบวิธีทางวิทยาศาสตร์หลายอย่างเช่นชีววิทยาทำความเข้าใจการดำเนินโรค และระเบียบวิธีทางสังคมศาสตร์ เช่นสังคมศาสตร์และปรัชญาเพื่อช่วยทำความเข้าใจปัจจัยเสี่ยงใกล้เคียงและไกล

วิทยาการระบาดมาจากภาษาอังกฤษว่า "Epidemiology" ซึ่งแปลตามตัวแปลว่า การศึกษาเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดบนประชากร มาจากรากศัพท์ภาษากรีกว่า epi = บน, ระหว่าง; demos = ประชาชน, เขต; logos = การศึกษา, คำ, การบรรยาย ซึ่งบอกเป็นนัยว่าเป็นการประยุกต์เฉพาะกับประชากรมนุษย์ แต่วิชานี้สามารถใช้ในการศึกษาในประชากรสัตว์ (เรียกว่า วิทยาการระบาดทางสัตวแพทย์ (veterinary epidemiology หรือ epizoology)) และยังประยุกต์ใช้ในการศึกษาประชากรพืช (เรียกว่า วิทยาการระบาดทางพฤกษศาสตร์ (botanical epidemiology))

ในบางครั้งอาจกล่าวได้ว่าแพทย์ชาวกรีกนาม ฮิปโปเครติส (Hippocrates) เป็นบิดาของวิชาวิทยาการระบาด เขาเป็นคนแรกที่พิจารณาความสัมพันธ์ระหว่างการเกิดโรคและอิทธิพลของสิ่งแวดล้อม เขาเป็นคนแรกที่คิดคำว่า โรคเฉพาะถิ่น (endemic) สำหรับโรคที่โดยทั่วไปแล้วพบได้ในบางที่แต่ไม่พบในถิ่นอื่นๆ และ โรคระบาด (epidemic) สำหรับโรคที่เกิดขึ้นอย่างมากในช่วงเวลาหนึ่งแต่ไม่พบในเวลาทั่วไป

ทฤษฎีแรกๆ ทฤษฎีหนึ่งที่กล่าวถึงกำเนิดของโรค คือเชื่อว่าเกิดจากความผิดพลาดของความสุขหรือความสบายของมนุษย์ ข้อความข้างต้นนี้กล่าวโดยนักปรัชญา เช่น เพลโต และรุสโซ และโดยนักวิพากษ์วิจารณ์สังคมอย่าง โจนาธาน สวิฟท์ (Jonathan Swift)

ในยุคกลางของโลกอิสลาม แพทย์ได้ค้นพบการแพร่กระจายของโรคติดต่อ แพทย์ชาวเปอร์เซียชื่อว่า อวิเซนนา (Avicenna) ผู้ซึ่งนับเป็น "บิดาของการแพทย์แผนใหม่" กล่าวถึงในหนังสือ The Canon of Medicine (ราวทศวรรษที่ 1020) ว่าได้พบการติดต่อกันได้ของวัณโรคและโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และการกระจายของโรคผ่านทางน้ำและดิน อวิเซนนายังกล่าวด้วยว่าสารคัดหลั่งจากร่างกายนั้นปนเปื้อนด้วยเชื้อที่เขาเรียกว่า foul foreign earthly bodies ที่จะก่อให้เกิดการติดเชื้อ เขาได้เสนอวิธีการกักกัน (quarantine) เพื่อจำกัดการแพร่โรคติดต่อ และเขายังใช้วิธีการวิเคราะห์ปัจจัยเสี่ยง และเสนอแนวคิดของกลุ่มอาการในการวินิจฉัยโรคเฉพาะ

ในระหว่างกาฬโรคระบาดในยุโรป เมื่อกาฬโรคระบาดมาจนถึงอัล-อันดาลัส (Al Andalus) ในคริสต์ศตวรรษที่ 14 อิบน์ คะติมะ (Ibn Khatima) ได้ตั้งสมมติฐานว่าโรคติดต่อน่าจะเกิดจากสารเล็กๆ ซึ่งเข้าสู่ร่างกายมนุษย์และทำให้เกิดโรค แพทย์ชาวอันดาลัส-อาหรับอีกคนหนึ่งชื่อว่า อิบน์ อัล-คะติบ (ค.ศ. 1313-ค.ศ. 1374) ได้เขียนบทความชื่อว่า On the Plague ซึ่งมีเนื้อความอธิบายวิธีที่โรคติดต่อสามารถติดต่อระหว่างคนผ่านการสัมผัส และ "ผ่านทางเสื้อผ้า, ภาชนะ, และต่างหู"

ในช่วงกลางคริสต์ศตวรรษที่ 16 แพทย์ที่มีชื่อเสียงชาวฟลอเรนซ์ ประเทศอิตาลี ชื่อว่า จีโรลาโม ฟราคัสโตโร (Girolamo Fracastoro) เป็นคนแรกที่เสนอทฤษฎีกล่าวว่าอนุภาคขนาดเล็กที่มองไม่เห็นซึ่งก่อให้เกิดโรคนั้นเป็นอนุภาคที่มีชีวิต อนุภาคเหล่านี้เชื่อว่าสามารถกระจายได้ในอากาศ แบ่งตัวเพิ่ม และถูกทำลายได้ด้วยไฟ ข้อความดังกล่าวเป็นการปฏิเสธทฤษฎีของกาเลนที่กล่าวว่าคนเราเจ็บป่วยเพราะมีแก๊สพิษอยู่ในร่างกาย ใน ค.ศ. 1543 เขาได้แต่งตำรา De contagione et contagiosis morbis ซึ่งเป็นครั้งแรกที่รณรงค์การรักษาสุขอนามัยส่วนบุคคลและสิ่งแวดล้อมเพื่อป้องกันโรค การพัฒนากล้องจุลทรรศน์กำลังขยายสูงของ อันโทนี ฟาน ลิวเวนเฮิค (Antonie van Leeuwenhoek) ในปี ค.ศ. 1675 ช่วยสนับสนุนหลักฐานของอนุภาคเล็กๆ ที่มีชีวิตกับทฤษฎีเชื้อก่อโรค (germ theory of disease)

จอห์น กรอนท์ (John Graunt) คนขายเสื้อผ้าและนักวิทยาศาสตร์สมัครเล่นได้ตีพิมพ์บทความ Natural and Political Observations ... upon the Bills of Mortality (การสังเกตเชิงธรรมชาติและเชิงการเมือง ... ต่อร่างกฎหมายการเสียชีวิต) ในปี ค.ศ. 1662 ซึ่งเขาได้วิเคราะห์จำนวนการเสียชีวิตในลอนดอนก่อนการเกิดกาฬโรคระบาดในลอนดอน เพื่อแสดงเป็นตารางชีพ (life tables) ซึ่งนับเป็นตารางแรกๆ ของโลก และได้รายงานแนวโน้มเวลาของโรคหลายโรคทั้งเก่าและใหม่ เขายังได้แสดงหลักฐานทางสถิติสำหรับทฤษฎีต่างๆ เกี่ยวกับโรค และปฏิเสธแนวความคิดต่างๆ เกี่ยวกับการกระจายของโรค

จอห์น สโนว์ (John Snow) แพทย์ชาวอังกฤษที่มีชื่อเสียงจากการควบคุมการระบาดของอหิวาตกโรคในเขตโซโฮของลอนดอนใน ค.ศ. 1854 ได้ระบุสาเหตุของการเกิดการระบาดของโรคว่ามาจากเครื่องสูบน้ำสาธารณะบนถนนบรอด (Broad Street) และได้จัดการป้องกันการระบาดจนหมดไป เหตุการณ์ดังกล่าวถือกันว่าเป็นเหตุการณ์สำคัญในประวัติการสาธารณสุข และถือเป็นการถือกำเนิดของศาสตร์ของวิทยาการระบาด

ผู้บุกเบิกทางวิทยาการระบาดคนสำคัญคนหนึ่งคือ พี. เอ. ชไลส์เนอร์ (P. A. Schleisner) แพทย์ชาวเดนมาร์ก ซึ่งทำงานเกี่ยวกับการป้องกันการระบาดของบาดทะยักในเด็กแรกเกิด (tetanus neonatorum) บนเกาะเวสท์แมนนา (Vestmanna Islands) ประเทศไอซ์แลนด์ในปี ค.ศ. 1849 และยังมีแพทย์ชาวฮังการีชื่อว่า อิกนาซ เซมเมลไวส์ (Ignaz Semmelweis) ซึ่งลดจำนวนการตายของทารกในโรงพยาบาลเวียนนาในปี ค.ศ. 1847 โดยเริ่มทำกระบวนการฆ่าเชื้อ การค้นพบของเขาได้ถูกตีพิมพ์ในปี ค.ศ. 1850 แต่งานของเขาก็ถูกละเลยในเวลาต่อมา เพราะไม่มีการใช้กระบวนการฆ่าเชื้ออย่างแพร่หลายจนกระทั่งศัลยแพทย์ชาวอังกฤษ โจเซฟ ลิสเตอร์ (Joseph Lister) ค้นพบสารระงับเชื้อในปี ค.ศ. 1865 ซึ่งต่อยอดมาจากการศึกษาของหลุยส์ ปาสเตอร์

ในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20 ได้มีการนำกระบวนการทางคณิตศาสตร์เข้ามาใช้ในวิชาวิทยาการระบาดโดยโรนัลด์ รอสส์ (Ronald Ross), แอนเดอร์สัน เกรย์ แม็คเคนดริค (Anderson Gray McKendrick) และคนอื่นๆ

การค้นพบที่ยิ่งใหญ่อีกครั้งหนึ่งเกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1954 เป็นการตีพิมพ์การศึกษาของแพทย์ชาวอังกฤษ โดยริชาร์ด ดอลล์ (Richard Doll) และออสติน แบรดฟอร์ด ฮิลล์ (Austin Bradford Hill) ซึ่งค้นพบความสัมพันธ์กันอย่างยิ่งของการสูบบุหรี่และการเกิดมะเร็งปอด

นักวิทยาการระบาดทำงานเกี่ยวข้องกับการออกแบบการศึกษาทั้งจากการเฝ้าสังเกตไปจนถึงการทดลอง ซึ่งแบ่งออกเป็นการศึกษาวิทยาการระบาดเชิงพรรณนา, วิทยาการระบาดเชิงวิเคราะห์ (จุดประสงค์เพื่อพิจารณาความสัมพันธ์ของปัจจัยที่ศึกษาแล้วหรือจากสมมติฐาน), และวิทยาการระบาดเชิงทดลอง (ซึ่งเทียบเท่ากับการทดลองในเชิงคลินิก หรือการทดลองรักษาหรือปัจจัยแทรกแซงในชุมชน) การศึกษาทางวิทยาการระบาดมีจุดประสงค์เพื่อแสดงความสัมพันธ์ระหว่างการสัมผัสปัจจัยเสี่ยง เช่น การดื่มสุราและสูบบุหรี่, เชื้อโรค, ความเครียด, หรือสารเคมี กับการป่วยหรือการตายโดยปราศจากอคติ การระบุความสัมพันธ์อย่างเป็นเหตุและผลกันระหว่างการสัมผัสปัจจัยเสี่ยงและผลลัพธ์เป็นแง่มุมสำคัญของวิชาวิทยาการระบาด

ในทางวิทยาการระบาดจะมีคำว่า 'epidemiologic triad' ซึ่งใช้อธิบายความเกี่ยวเนื่องกันของ ตัวให้อาศัย (Host), ตัวกระทำ (Agent), และ สิ่งแวดล้อม (Environment) ในการวิเคราะห์การระบาด

แม้ว่าวิชาวิทยาการระบาดในบางครั้งจะเป็นเหมือนกลุ่มของเครื่องมือทางสถิติเพื่อช่วยในการหาความสัมพันธ์ของปัจจัยเสี่ยงและผลลัพธ์ทางสุขภาพ แต่การจะทำความเข้าใจให้ลึกลงไปในศาสตร์แขนงนี้คือการค้นหาความสัมพันธ์เกี่ยวกับสาเหตุ (causal relationships)

แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะทำนายอย่างถูกต้องแม่นยำว่าระบบทางกายภาพที่ง่ายที่สุดจะแสดงอย่างไรในอนาคตข้างหน้า เช่นกันกับสาขาวิชาที่ซับซ้อนอย่างวิทยาการระบาด ซึ่งต้องอาศัยชีววิทยา, สังคมศาสตร์, คณิตศาสตร์, สถิติศาสตร์, มานุษยวิทยา, จิตวิทยา และนโยบาย จึงมีคำกล่าวโดยทั่วไปในงานเขียนเชิงวิทยาการระบาดว่า "ความสัมพันธ์กันไม่ได้บอกเป็นนัยถึงความเป็นเหตุผลกัน" สำหรับนักวิทยาการระบาดจะใช้ศัพท์ว่า การอนุมาน (inference) นักวิทยาการระบาดจะรวบรวมข้อมูลและทฤษฎีต่างๆ เกี่ยวกับชีวเวชศาสตร์และจิตสังคมในวิธีทำซ้ำเพื่อสร้างหรือขยายความทฤษฎี, เพื่อทดสอบสมมติฐาน, และเพื่อการศึกษา เพื่อยืนยันว่าความสัมพันธ์ใดที่เป็นเหตุเป็นผล และเป็นเหตุเป็นผลกันอย่างไร นักวิทยาการระบาด รอธแมนและกรีนแลนด์ (Rothman and Greenland) ได้ให้ความสำคัญว่า ความเข้าใจที่ว่า "1 สาเหตุ - 1 ผล" นั้นเป็นความเข้าใจที่ผิด ผลลัพธ์ส่วนใหญ่ไม่ว่าจะเป็นการป่วยหรือการตายนั้นมีสาเหตุมาจากสาเหตุย่อยๆ หลายอย่างประกอบกันเป็นห่วงโซ่หรือโครงข่าย


 

 

รับจำนำรถยนต์ รับจำนำรถจอด

จำปีแขก จำปี จันทร์กระจ่างฟ้า งา (พืช) คัดเค้า คล้าน้ำช่อตั้ง ขานาง ระบบนำทางในรถยนต์ ประเภทของรถยนต์ รถยนต์ฮอนด้าซิวิครุ่นปี 2009 ใช้เชื้อเพลิงทางเลือก ก้ามปูหลุด กุหลาบเมาะลำเลิง กำแพงเงิน กล้วยไม้ดิน กล้วยพัด กระเทียมเถา กระดุมเงิน กระดุมทองเลื้อย กระดังงาสงขลา กรรณิการ์ LGPL Fireworks ระบาดวิทยา ชีววิทยาทางทะเล ชีววิทยาการเจริญ Royal Society Impact factor การเรียนรู้ ชีววิทยาระบบ จีโนมิกส์ สัณฐานวิทยา (ชีววิทยา) การชันสูตรพลิกศพ พยาธิกายวิภาค มหัพภาค มหพยาธิวิทยา วิทยาเอ็มบริโอ เซลล์พันธุศาสตร์ กายภาพ จุลภาค วิทยาเนื้อเยื่อ จุลกายวิภาคศาสตร์ มหกายวิภาคศาสตร์ ปรสิตวิทยา สังขวิทยา รา ปักษีวิทยา แมลง พยาธิตัวแบน แมงกะพรุน ชีววิทยาของการเจริญ ยีสต์ สรีรวิทยาของพืช ปรสิต ดอกไม้ทะเล ปลาการ์ตูน ทฤษฎีเซลล์ พันธุศาสตร์ประชากร พฤติกรรมวิทยา คัพภวิทยา เซลล์วิทยา อุทกวิทยา หอดูดาวเกิดแก้ว Earth Sciences Geology แถบ นีละนิธิ ภาควิชาธรณีวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กระทรวงพัฒนาการแห่งชาติ กระทรวงเศรษฐการ กระทรวงพระคลังมหาสมบัติ ร.ศ. 110 มีโซโซอิก Photosynthesis โฮโลซีน บรมยุคฮาเดียน ธรณีกาล โลกศาสตร์ อุลกมณี เหล็กไหล ไม้กลายเป็นหิน หลุมยุบ ดินถล่ม รอยเลื่อน ธรณีพิบัติภัย จักรวาล ธรณีสัณฐานวิทยา ธรณีวิทยาโครงสร้าง การเคลื่อนที่ของแผ่นเปลือกโลก แมนเทิล The Blue Marble สถิตยศาสตร์ของไหล สถิตยศาสตร์ Nobel Prize in Physics ประวัติศาสตร์ของฟิสิกส์ ไฟฟ้าสถิตย์ ของไหล ก๊าซ สปิน (ฟิสิกส์) ปฏิยานุภาค อันตรกิริยาพื้นฐาน แบบจำลองมาตรฐาน

 

1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
32
33
34
35
36
37
38
39
40
41
42
43
44
45
46
47
48
49
50
51
52
53
54
55
56
57
58
59
60
61
62
63
64
65
66
67
68
69
70
71
72
73
74
75
76
77
78
79
80
81
82
83
84
85
86
87
88
89
90
91
92
93
94
95
96
97
98
99
100
101
102
103
104
105
106
107
108
109
110
111
112
113
114
115
116
117
118
119
120
121
122
123
124
125
126
127
128
129
130
131
132
133
134
135
136
137
138
139
140
141
142
143
144
145
146
147
148
149
150
151
152
153
154
155
156
157
158
159
160
161
162
163
164
165
166
167
168
169
170
171
172
173
174
175
176
177
178
179
180
181
182
183
184
185
186
187
188
189
190
191
192
193
194
195
196
197
198
199
200
201
202
203
204
205
206
207
208
209
210
211
212
213
214
215
216
217
218
219
220
221
222
223
224
225
226
227
228
229
230
231
232
233
234
235
236
237
238
239
240
241
242
243
จำนำรถราชบุรี รถยนต์ เงินด่วน รับจำนำรถยนต์ จำนำรถยนต์ จำนำรถ 24310